ฮั้วลักเซียมกับการบำรุงฟื้นฟูไต


 

 

 

บำรุงไต บำบัดสารพัดโรค

ฮั้วลักเซียมโรคไต21

 

         ทำไมบางอาการที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์ แล้วรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันไม่หายหรือหายเพียงชั่วคราวพอหยุดยาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก หรือ เป็นโรคแปลกๆ ที่หาสาเหตุไม่ได้ และรักษาไม่หาย จนคุณหมดกำลังใจ และคิดว่าชาตินี้คงต้องเป็นแบบนี้ตลอด หากคุณเป็นเช่นนี้อย่างเพิ่งท้อใจหรือสิ้นหวัง เพราะสิ่งที่คุณรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันอาจเป็นการรักษาไม่ตรงจุด หรือไม่ได้รักษาที่สาเหตุของปัญหา เพราะบางอาการที่แสดงออกบางอย่างไม่ได้เกิดจากระบบนั้นๆ เช่น หาก ไปพบแพทย์แผนปัจจุบันด้วยอาการ ผมหงอก เวียนศีรษะ ความจำเสื่อม ปวดเมื่อยเอวและเข่า เสื่อมสมรรถภาพ อ่อนเพลียเรื้อรังและปัสสาวะบ่อย แพทย์อาจตรวจวิเคราะห์คุณแล้วจ่ายยารักษาตามอาการมาสัก 5-6 ตัว หรือมากกว่านั้น หลังจากได้รับยากลับบ้านคุณก็ทานยาอย่างเคร่งครัดตามแพทย์สั่งจ่าย แต่ทำไมกินยาหมดแล้วอาการดังกล่าวก็ยังไม่หายสักที ทำไม??? สาเหตุก็คือ คุณรักษาไม่ตรงจุด คุณไม่ได้รักษาที่สาเหตุ

อาการที่คุณเป็นอยู่ คือ ภาวะไตอ่อนแอ ระบบไตในศาสตร์แพทย์แผนจีนจะมีความหมายที่กว้างกว่าทางการแพทย์แผนปัจจุบันมาก ระบบไตในทางแพทย์จีน หมายถึง ระบบที่ทำหน้าที่สร้างและควบคุมปัสสาวะ ระบบฮอร์โมน ระบบการสืบพันธ์ และปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต และความเสื่อมต่างๆ ดังนั้นหากบำรุงไตให้แข็งแรงก็จะสามารถป้องกันการเกิดโรคจากความเสื่อมต่างๆ ได้

 

หน้าที่ของไต

        ทำไมการบำรุงไตจึงช่วยป้องกันหรือรักษาโรคต่างๆ ได้ มาดูหน้าที่ของไตกัน

        ไต มีหน้าที่

  1. ไตช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย
  2. ช่วยควบคุมความสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย เช่น หากปริมาณโซเดียมสูง จะทำให้มีน้ำในร่างกายมากและส่งผลให้ความดันโลหิตสูงตามมา
  3. ช่วยควบคุมสมดุลของกรดด่าง (pH) ในร่างกาย
  4. ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  5. ช่วยสร้างและควบคุมฮอร์โมน

-      Erythropoietin : ช่วยกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง

-      Renin และ Prostaglandin : ช่วยควบคุมความดันเลือดให้ปกติ

  1. ไตควบคุมการสร้างวิตามินดี แคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยให้กระดูกแข็งแรง

นอกจากนั้นแล้วด้านบนของไตทั้ง 2 ข้างยังมีต่อมเล็กๆ ลักษณะรูปร่างคล้ายหมวก หรือที่เรียกว่า ต่อมหมวกไต อีกด้วยโดย

ต่อมหมวกไต(adrenal gland) ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนสำคัญๆหลายชนิด เช่น

-      อะดรีนาลิน (adrenaline): มีหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของโลหิตและการหดตัวของหลอดเลือด

-      กลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoid) : เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมเมตาบอลิซึมของน้ำตาล ไขมัน ต่อต้านการอักเสบ

-      อัลโดสเตอโรน (aldosterone): เพิ่มการดูดกลับของเกลือในไต

-      เทสโทสเตอโรน (testosterone) : เพิ่มลักษณะของร่างกายที่เป็นเพศชายและการเติบโต

-      อีพิเนฟฟริน (Epinephrine) และนอร์อีพิเนฟฟริน (norepinephrine) มีหน้าที่เพิ่มระดับน้ำตาลและกรดไขมันในเลือด เพิ่มอัตราเมตาบอลิซึม เพิ่มการเต้นของหัวใจ เพิ่มการบีบตัวของเส้นเลือด

จากทั้งหมดจะเห็นได้ว่าระบบไตมีความสำคัญมาก ถ้าเกิดความผิดปกติกับระบบไตแล้วจะทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายและเกิดโรคอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ดังนั้นก็คงไม่ผิดที่จะกล่าวว่า “ไตเป็นพื้นฐานของชีวิต” ดังนั้นการบำรุงไตให้แข็งแรงจึงสำคัญมาก เป็นการป้องกันและบำบัดรักษาอาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้หลายๆ อย่างพร้อมๆกัน ซึ่งแตกต่างจากแพทย์แผนปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง

        ภาวะไตอ่อนแอหรือไตเสื่อมไม่ใช่โรคไตในความหมายของการแพทย์ตะวันตก หากหมายถึงสภาพไตเสื่อมลง ไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ทำให้ความสามารถในการขับน้ำและของเสียของไตลดลง ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของเกลือแร่และความเป็นกรดด่างของร่างกาย รวมทั้งเกิดภาวะขาดฮอร์โมนชนิดสำคัญที่สร้างจากไตและต่อมหมวกไตด้วย การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะทำให้เกิดอาการผิดปกติของอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย หากไม่มีการบำบัดรักษาก็จะแก่ก่อนวัยและพัฒนากลายเป็นโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคระบบหลอดเลือดและหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน โรคเกาต์ อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น หรืออาจพัฒนากลายเป็นไตอักเสบ หรือไตวายได้ในที่สุด

        ภาวะไตอ่อนแอหรือไตเสื่อม ในทางแพทย์แผนจีนนั้นไม่สามารถวัดได้จากค่า BUN หรือ Creatinine จึงเป็นสาเหตุให้ทำให้เมื่อไปหาแพทย์แผนปัจจุบันหรือตรวจร่างกายแล้วไม่พบความผิดปกติ แต่ในความเป็นจริงนั้นไตของคุณได้เสื่อมลงไปเรื่อยๆ ทุกวันๆ และความเสื่อมนั้นได้ทำให้เกิดโรคต่างๆ แก่ร่างกายคุณตามมาอีกมากมาย ซึ่งความผิดปกติของไตที่เกิดขึ้นนั้นกว่าจะตรวจวัดได้จากค่า Bun หรือ Creatinin ก็ทำให้ไตเสื่อมหรืออ่อนแอไปมากเกินกว่าจะเยียวยาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม และหากคุณรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันคุณจะยิ่งได้รับยารักษาตามอาการอีกมากมายนับสิบชนิด ซึ่งเป็นการยิ่งซ้ำเติมให้ไตทำงานแย่ลงไปอีกจากการสะสมพิษจากยาเคมีที่ตับ และไต และผลข้างเคียงจากยาแต่ละชนิดอีก จึงเป็นวงจรของการเกิดโรคอีกไม่รู้จบ

 

Visitors: 181,714