โรคไต ฮั้วลักเซียมช่วยได้อย่างไร
โรคไต ฮั้วลักเซียมช่วยได้อย่างไร
รู้จักโรคไตเรื้อรัง ทางแพทย์แผนปัจจุบัน
โรคไตเรื้อรัง จะแสดงอาการออกมาในลักษณะที่เรียกกันว่า ไตเสื่อมหรือไตวาย ซึ่งหมายถึงภาวะที่มีการทำงานของไตลดลง จนเกิดการคั่งของเสียประเภทยูเรีย และของเสียอื่นๆ โดยปกติเราจะรู้ว่าไตเสื่อมมากหรือน้อยได้ด้วยการเจาะเลือด และวัดค่าของเสียบียูเอ็น (blood urea nitrogen หรือ BUN)และค่าครีอะตินีน (creatinine หรือ Cr) ถ้าค่า BUN และ Cr สูงกว่าค่าปกติมาก แสดงว่าไตมีความเสื่อมมาก
ชนิดของภาวะไตวาย
- ไตวายเฉียบพลัน คือ ภาวะที่ไตสามารถฟื้นกลับมาทำงานได้อีกหากฟื้นฟู บำรงรักษาไตจนหายเป็นปกติ
- ไตวายเรื้อรัง คือ ภาวะที่ไตไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้
สาเหตุของโรคไต
- เกิดจากโรคอื่นๆ เช่น ไตอักเสบหรือนิ่วในไต เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- อาหาร: การทานอาหารเค็มจัด หรือ การทานอาหารที่มีโปรตีนมากเกินไปเป็นระยะเวลานานทำให้ไตทำงานหนักทำให้เกิดปัญหาไตเสื่อมหรือไตวายได้
- ยา : การรับประทานยาบางชนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
- สิ่งแวดล้อม: เกิดจากการได้รับสารพิษติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
อาการของโรคไต
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไต จะมีอาการ ซีด บวม อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดหลังหรือปวดบั้นเอว เบื่ออาหาร ผิวแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน สะอึก ซึม ความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยบางราย มีอาการปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะน้อยลง หรือปัสสาวะบ่อยได้ ในบางรายที่มีอาการหนัก อาจทำให้มีอาการหัวใจวาย หรือเจ็บหน้าอกจากเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ถ้าไม่รักษาอาจชัก ซึมลง หมดสติและเสียชีวิตได้
ทำไมบางอาการที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์ แล้วรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันไม่หายหรือหายเพียงชั่วคราวพอหยุดยาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก หรือ เป็นโรคแปลกๆ ที่หาสาเหตุไม่ได้ และรักษาไม่หาย จนคุณหมดกำลังใจ และคิดว่าชาตินี้คงต้องเป็นแบบนี้ตลอด หากคุณเป็นเช่นนี้อย่างเพิ่งท้อใจหรือสิ้นหวัง เพราะสิ่งที่คุณรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันอาจเป็นการรักษาไม่ตรงจุด หรือไม่ได้รักษาที่สาเหตุของปัญหา เพราะบางอาการที่แสดงออกบางอย่างไม่ได้เกิดจากระบบนั้นๆ เช่น หาก ไปพบแพทย์แผนปัจจุบันด้วยอาการ ผมหงอก เวียนศีรษะ ความจำเสื่อม ปวดเมื่อยเอวและเข่า เสื่อมสมรรถภาพ อ่อนเพลียเรื้อรังและปัสสาวะบ่อย แพทย์อาจตรวจวิเคราะห์คุณแล้วจ่ายยารักษาตามอาการมาสัก 5-6 ตัว หรือมากกว่านั้น หลังจากได้รับยากลับบ้านคุณก็ทานยาอย่างเคร่งครัดตามแพทย์สั่งจ่าย แต่ทำไมกินยาหมดแล้วอาการดังกล่าวก็ยังไม่หายสักที ทำไม??? สาเหตุก็คือ คุณรักษาไม่ตรงจุด คุณไม่ได้รักษาที่สาเหตุ
อาการที่คุณเป็นอยู่ คือ ภาวะไตอ่อนแอ ระบบไตในศาสตร์แพทย์แผนจีนจะมีความหมายที่กว้างกว่าทางการแพทย์แผนปัจจุบันมาก ระบบไตในทางแพทย์จีน หมายถึง ระบบที่ทำหน้าที่สร้างและควบคุมปัสสาวะ ระบบฮอร์โมน ระบบการสืบพันธ์ และปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต และความเสื่อมต่างๆ ดังนั้นหากบำรุงไตให้แข็งแรงก็จะสามารถป้องกันการเกิดโรคจากความเสื่อมต่างๆ ได้
ไตมีหน้าที่อะไรบ้าง
ทำไมการบำรุงไตจึงช่วยป้องกันหรือรักษาโรคต่างๆ ได้ มาดูหน้าที่ของไตกัน
- ไตช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย
- ไตช่วยควบคุมความสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย เช่น หากปริมาณโซเดียมสูง จะทำให้มีน้ำในร่างกายมากและส่งผลให้ความดันโลหิตสูงตามมา
- ไตช่วยควบคุมสมดุลของกรดด่าง (pH) ในร่างกาย
- ไตช่วยควบคุมความดันโลหิต
- ไตช่วยสร้างและควบคุมฮอร์โมน
- Erythropoietin : ช่วยกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง
- Renin และ Prostaglandin : ช่วยควบคุมความดันเลือดให้ปกติ
- ไตควบคุมการสร้างวิตามินดี แคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยให้กระดูกแข็งแรง
นอกจากนั้นแล้วด้านบนของไตทั้ง 2 ข้างยังมีต่อมเล็กๆ ลักษณะรูปร่างคล้ายหมวก หรือที่เรียกว่า ต่อมหมวกไต อีกด้วยโดย
ต่อมหมวกไต(adrenal gland) ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนสำคัญๆหลายชนิด เช่น
- อะดรีนาลิน (adrenaline): มีหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของโลหิตและการหดตัวของหลอดเลือด
- กลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoid) : เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมเมตาบอลิซึมของน้ำตาล ไขมัน ต่อต้านการอักเสบ
- อัลโดสเตอโรน (aldosterone): เพิ่มการดูดกลับของเกลือในไต
- เทสโทสเตอโรน (testosterone) : เพิ่มลักษณะของร่างกายที่เป็นเพศชายและการเติบโต
- อีพิเนฟฟริน (Epinephrine) และนอร์อีพิเนฟฟริน (norepinephrine) มีหน้าที่เพิ่มระดับน้ำตาลและกรดไขมันในเลือด เพิ่มอัตราเมตาบอลิซึม เพิ่มการเต้นของหัวใจ เพิ่มการบีบตัวของเส้นเลือด
จากทั้งหมดจะเห็นได้ว่าระบบไตมีความสำคัญมาก ถ้าเกิดความผิดปกติกับระบบไตแล้วจะทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายและเกิดโรคอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ดังนั้นก็คงไม่ผิดที่จะกล่าวว่า “ไตเป็นพื้นฐานของชีวิต” ดังนั้นการบำรุงไตให้แข็งแรงจึงสำคัญมาก เป็นการป้องกันและบำบัดรักษาอาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้หลายๆ อย่างพร้อมๆกัน ซึ่งแตกต่างจากแพทย์แผนปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
ภาวะไตอ่อนแอหรือไตเสื่อม ในทางการแพทย์จีนหมายถึงสภาพไตเสื่อมลง ไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ทำให้ความสามารถในการขับน้ำและของเสียของไตลดลง ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของเกลือแร่และความเป็นกรดด่างของร่างกาย รวมทั้งเกิดภาวะขาดฮอร์โมนชนิดสำคัญที่สร้างจากไตและต่อมหมวกไตด้วย การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะทำให้เกิดอาการผิดปกติของอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย หากไม่มีการบำบัดรักษาก็จะแก่ก่อนวัยและพัฒนากลายเป็นโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคระบบหลอดเลือดและหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน โรคเกาต์ อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น หรืออาจพัฒนากลายเป็นไตอักเสบ หรือไตวายได้ในที่สุด
ภาวะไตอ่อนแอหรือไตเสื่อม ในทางแพทย์แผนจีนนั้นไม่สามารถวัดได้จากค่า BUN หรือ Creatinine จึงเป็นสาเหตุให้ทำให้เมื่อไปหาแพทย์แผนปัจจุบันหรือตรวจร่างกายแล้วไม่พบความผิดปกติ แต่ในความเป็นจริงนั้นไตของคุณได้เสื่อมลงไปเรื่อยๆ ทุกวันๆ และความเสื่อมนั้นได้ทำให้เกิดโรคต่างๆ แก่ร่างกายคุณตามมาอีกมากมาย ซึ่งความผิดปกติของไตที่เกิดขึ้นนั้นกว่าจะตรวจวัดได้จากค่า Bun หรือ Creatinin ก็ทำให้ไตคุณเสื่อมหรืออ่อนแอไปมากเกินกว่าจะเยียวยาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม และหากคุณรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันคุณจะยิ่งได้รับยารักษาตามอาการอีกมากมายนับสิบชนิด ซึ่งเป็นการยิ่งซ้ำเติมให้ไตทำงานแย่ลงไปอีกจากการสะสมพิษจากยาเคมีที่ตับ และไต และผลข้างเคียงจากยาแต่ละชนิดอีก จึงเป็นวงจรของการเกิดโรคอีกไม่รู้จบ
อาการแสดงของภาวะไตอ่อนแอ
1. ระบบทางเดินปัสสาวะ
- ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะตอนกลางคืนต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ
- ปัสสาวะไม่สุด กะปริดกะปรอย
- อั้นปัสสาวะไม่อยู่
- น้ำปัสสาวะขุ่นหรือมีฟอง
- อาการบวมน้ำ (ใช้นิ้วกดบริเวณหน้าแข้งแล้วมีรอยบุ๋ม)
2. ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก
- ปวดหลังปวดเอว แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง
- ชาปลายมือปลายเท้า
- เป็นตะคริวบ่อย
- ปวดข้อเป็นประจำ
- เป็นโรคเกาต์
- ภาวะกระดูกพรุน
3. ระบบประสาทและอารมณ์
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียง่าย
- วิงเวียนศีรษะเป็นประจำ
- นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท ตื่นตอนกลางคืนเป็นประจำ
- แขนขากระตุกในขณะนอนหลับหรือสะดุ้งตื่นเป็นประจำ
- ฝันทั้งคืน ตื่นเช้าขึ้นมาไม่สดชื่น ไม่อยากลุกจากที่นอน
4. ระบบผิวหนังและความแก่
- ผิวหน้าหมองคล้ำ หยาบกร้าน ไม่มีเลือดฝาด มีฝ้าบนใบหน้า
- ใต้ตาหมองคล้ำหรือบวม
- หน้าอกหย่อนยาน
- ผมหงอกก่อนวัย
- ผมร่วงเกิน 50 เส้นต่อวันหรือร่วงเป็นจำนวนมากตอนสระผม
- น้ำหนักขึ้นหรือลงอย่างฮวบฮาบ
5. อาการทางหู-ตา
- หูอื้อหรือไม่ค่อยได้ยิน ต้องให้คนอื่นพูดซ้ำเป็นประจำ
- ตาลาย ตาพร่า
- โรคเมเนียส์ (น้ำในหูไม่เท่ากัน)
6. ระบบทางเดินอาหาร
- เบื่ออาหาร
- ลำไส้แปรปรวน
- ระบบภูมิต้านทาน
- ภูมิต้านทานต่ำ ป่วยง่าย
8. หย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือความต้องการทางเพศลดลง
- ฝันเปียกมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือหลั่งเร็วเป็นประจำ
- ประจำเดือนมาผิดปกติ
- มีบุตรยากหรือแท้งบุตร
- เข้าสู่วัยทองก่อนวัยอันควร
หากคุณมีมากกว่า 2 อาการแสดงว่าไตของคุณเสื่อมลงแล้ว ยิ่งมีอาการมากเท่าไรไตก็ยิ่งเสื่อมโทรมลงมากเท่านั้น ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายของสุขภาพที่คุณควรจะหันมาใส่ใจอย่างจริงจัง
หยุดวงจรของการเกิดสารพัดโรคด้วยการบำรุงไตให้แข็งแรง ตั่งแต่วันนี้ก่อนจะสายเกินไป
การบำรุง ดูแล ฟื้นฟูไต
โรคไตนับว่าเป็นโรคเรื้อรังอีกหนึ่งโรคที่ไม่มีใครอยากเป็น เพราะหากเป็นแล้ว การรักษาต้องใช้เวลานานและเสียค่าใช้จ่ายสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องทำการฟอกไตด้วยแล้วยิ่งทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการท้อแท้ได้ เพราะต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยและค่าใช้จ่ายที่สูง
การบำรุง ดูแล ฟื้นฟูไต อีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ง่ายและสะดวก คือการใช้ยาสมุนไพรที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการ บำรุง ฟื้นฟู ไต ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ
โรคไต ฮั้วลักเซียมช่วยได้อย่างไร
สมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณช่วยบำรุง ฟื้นฟู ไต ที่มีอยู่ในยาน้ำสมุนไพรฮั้วลักเซียม
- ตังถั่งเช่า หรือ หญ้าหนอน
- คักฮก
- เจี่ยเต็กย้ง
- ซัวเอี้ยะ
- เสกตี่
- งู่ฉิก
- ห่วยซัว
- โต่วต๋ง
- ม้าน้ำ
- กิมเอ็งจี้
- โหงวนี่จี้
- โกวซีจี้
- พ่อสิ่วโคว
- ปาเก็กเที่ยง
- ไช้ง้อกง
นอกจากนั้น ในยาน้ำสมุนไพรฮั้วลักเซียมยังมีส่วนประกอบของ ฮกพุ่งจี้ ที่ช่วยรักษาอาการปัสสาวะ กระปริดกระปรอย ได้อีกด้วย จะเห็นได้ยาในยาน้ำสมุนไพรฮั้วลักเซียมมีส่วนประกอบของสมุนไพรจีนที่ช่วย บำรุง ฟื้นฟู ไต ถึง 15 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะเข้าไปช่วยบำรุง ฟื้นฟู ไต ให้ค่อยๆ ฟื้นสภาพกลับมาทำงานเป็นปกติ โดยผู้ป่วยโรคไต ควรดื่มต่อเนื่องไป จะสามารถรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่จะไปล้างยาด้วยเพื่อให้ยาน้ำสมุนไพรฮั้วลักเซียมสามารถเข้าไป ฟื้นฟู บำรุง ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ