โรคมะเร็ง : รักษาผิดวิธีหรือไม่

    เคยสังเกตบางไหมว่า ในปัจจุบันนี้ ยิ่งวิวัฒนาการทางการแพทย์ล้ำหน้าไปมากเท่าไหร่ โรคภัยไข้เจ็บก็ยิ่งมีการพัฒนาทิ้งห่างออกไปเท่านั้น ถึงแม้ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาโดยวิธีทางการแพทย์แผนปัจจุบันที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด และหายจากโรคแล้วก็ตาม แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่า ผู้ป่วยจะไม่กลับมาเป็นโรคนั้นอีก ยกตัวย่างเช่น โรคมะเร็ง เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุดและเราอาจจะเคยได้ยินหรือพบเจอผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้บ้าง บางคนบอกว่าทำคีโม ฉายแสง จนมะเร็งหายแล้วแต่ไม่นานก็กลับมาเป็นใหม่อีก หรือว่าเรารักษาผิดวิธี

    มะเร็ง คือ เซลล์ปกติของร่างกายที่มีการเจริญเติบโต แบ่งตัวและเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นก้อนเนื้อไปเบียดบังอวัยวะนั้นๆ ซึ่งสามารถลุกลามและแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆได้

    ทฤษฎีแพทย์แผนจีนได้กล่าวถึงมะเร็งโดยอาศัยหลักความสมดุลของความร้อนและความเย็น หรือหยินและหยาง โดยจัดความร้อนและความแห้งเป็นกลุ่มของหยางและจัดความเย็นและความชื้นเป็นกลุ่มของหยิน

    มะเร็งที่เกิดจากความร้อนและความแห้งจะเผาพลาญของเหลวทำให้สมดุลของหยินลดลง สาเหตุของการมีหยางมากเกินไป ได้แก่ การทานอาหารที่มีรสร้อน อาหารเค็ม การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา และการตรากตรำทำงานหนัก ลักษณะอาการของโรคมะเร็งที่เกิดจากความร้อนมีดังนี้ ร่างกายซูบผอม ผิวแห้งหยาบ ตัวร้อน มือและเท้าร้อน อุจจาระแข็ง โรคมะเร็งที่มักเกิดจากความร้อนจะมีหนองและมีเลือดออกตามอวัยวะที่เป็นมะเร็ง และจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน

    มะเร็งที่เกิดจากความเย็น ทำให้เส้นเลือดหดตัว เลือดจับตัวขวางการไหลเวียนสาเหตุเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีรสเย็นมากเกินไป การรับประทานของดิบ การไม่ออกกำลังกาย การพักผ่อนมากเกินไป และอากาศที่ชื้นเป็นตัวกระตุ้นให้หยินกำเริบ ลักษณะของมะเร็งที่เกิดจากความเย็นมีดังนี้  อาหารไม่ย่อย ความอยากอาหารลดลง ขาดสารอาหาร ภูมิต้านทานลดลง อุจจาระเหลว เย็นตามปลายมือ ปลายเท้า มีก้อนเนื้องอกแข็งไม่มีหนอง และไม่มีเลือดออก

    การรักษามะเร็งด้วยยาคีโม

    ยาคีโม มาจาก chemotherapy แปลว่า การรักษาด้วยเคมีบำบัด ซึ่งการรักษาด้วยเคมีบำบัดจะมีผลต่อเซลล์ที่มีการแบ่งตัวหรือมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วซึ่งเซลล์พวกนี้ นอกจากเซลล์มะเร็งแล้วยังรวมไปถึงเซลล์ปกติของร่างกายด้วย เช่น เซลล์เม็ดเลือด เซลล์เส้นผม เซลล์เยื่อบุต่างๆ ซึ่งเมื่อผู้ป่วยได้รับยาคีโมเข้าไป เซลล์มะเร็งและเซลล์พวกนี้ก็จะได้รับผลกระทบจากยาด้วยเกิดเป็นผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ที่เรียกว่า side effect ตามมา ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาคีโมมีอาการ อันเกิดจากผลข้างเคียง เช่น

-      คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน และแผลในปาก : เกิดจากเซลล์เยื่อบุถูกทำลาย

-      ผมร่วง : เกิดจากเซลล์ที่กำลังแบ่งตัวเป็นเซลล์เส้นผมถูกทำลาย

-      ร่างกายอ่อนแอ เกิดการติดเชื้อโรคง่าย : เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวถูกทำลาย

-      เกิดภาวะซีด : เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย

 

จะเห็นได้ว่าภาวะที่ร่างกายได้รับผลข้างเคียงจากการใช้คีโม หรือฉายแสงทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ขาดสมดุล ร่างกายเกิดภาวะซีด อ่อนเพลียไม่มีแรง ภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งภาวะดังกล่าว อาจกล่าวได้ว่า เป็นภาวะที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคอื่นๆ ตามมาโดยที่เราไม่รู้ตัว อีกทั้งยังเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งไปยังจุดอื่นๆของร่างกาย เนื่องจากภูมิต้านทานร่างกายต่ำ

อย่างไรก็ตามแม้ว่ามะเร็งเป็นโรคที่รักษาให้หายยาก แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางเลย การรักษามะเร็ง โดยวิธีทางตรงโดยการจัดการกับเซลล์มะเร็งโดยตรงอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการรักษามะเร็ง ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่ยังมีอีกวิธีที่เป็นวิธีทางอ้อมโดยใช้วิธีประนีประนอม นั่นคือ การรักษาร่างกายให้แข็งแรง พยายามรักษาสมดุลร่างกาย และเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายโดยวิธีธรรมชาติ วิธีนี้ไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับเซลล์มะเร็งแต่เป็นการค่อยๆทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวและภูมิต้านทานตามธรรมชาติมากขึ้นๆ เพื่อค่อยๆ จัดการกับเซลล์มะเร็งเองซึ่งวิธีนี้ร่างกายเองก็ไม่ได้บอบช้ำ ถึงแม้เซลล์มะเร็งเองอาจไม่ได้ตายไปอย่างฉับพลันแต่ก็นับว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจซึ่งไม่เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาคีโม หรือการฉายแสง

การรักษามะเร็ง

  1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค

อาหารนับได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่สำคัญ

อาหารที่ควรลดหรือหลีกเลี่ยง สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง คือ เนื้อสัตว์ นม ไข่

อาหารที่ควรรับประทานสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง คือ พืชผัก ต่างๆ วิตามิน เกลือแร่

 สาร สารแคโรทีนอยด์ สารไบโอฟลาโวนอยด์ โปลีฟีนอล ทั้งหลายรวมทั้งวิตามิน กลุ่มวิตามินเอ บี กลุ่มอี

อินโคลคาร์บินอล (Indole Carbinol) ซึ่งเป็นพวกผักตระกูลกะหล่ำ ผักกาด และผักคะน้า

อะลิกซิน ซึ่งได้แก่ พืชตระกูลกระเทียม หัวหอม หรือที่มีกลิ่นทั้งหลาย

อิลลิซิน (allicin) มีประโยชน์ในการต้านมะเร็ง

เคอร์คิวมิน (Curcuminoids) เป็นสารที่มีสีเหลือง อยู่ในขมิ้นชันที่ใช้แกง พวกเครื่องเทศ ขิง ข่า กระชาย ตะไคร้ มีสารที่มีคุณค่าทางอาหารแล้วยังมีสารต้านมะเร็งด้วย จะเป็นพวกน้ำมันหอมระเหย พริก พวกมีสี มีกลิ่น มีรสเผ็ดทั้งหลาย เป็นตัวขับน้ำดี ขับลม ขับสารพิษทั้งหลาย และตัวเองก็ช่วยทำลายและต้านมะเร็งด้วย

นอกจาก ผลไม้ ธัญพืช เครื่องเทศ เครื่องดื่ม เช่น ชาเขียว ชาอูล่ง หรือชาจีน ก็มีประโยชน์ เพราะมีสารแอนติออกซิแดนท์สูงเช่นเดียวกัน

ผักผลไม้ที่มีสารพวกวิตามินซี และไบโอฟลาโวนอยด์ เรากินผักผลไม้หลากหลายจะช่วยป้องกันมะเร็งได้

สารไลโคปีน (Lycopene) สารสีแดงสดที่มีอยู่ในมะเขือเทศ เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ที่ดี ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

 

  1. การปรับเปลี่ยนอารมณ์ช่วยต้านมะเร็งได้

จากงานวิจัยหลายชิ้นได้แสดงให้เห็นว่า อารมณ์หรือความเครียด ส่งผลให้ภูมิต้านทานร่างกายอ่อนแอลง ทางแพทย์แผนจีนได้กล่าวถึงการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในระดับเหมาะสม ไม่ทุกข์ ไม่หดหู่ ตื่นเต้น กลัว กังวล เพราะการที่อารมณ์แปรผันสูงจะก่อให้เกิดมะเร็ง ในอีกทางหนึ่งการศึกษาธรรมะในช่วงที่เป็นมะเร็งถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยกล่อมเกลาจิตใจ ให้สงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ช่วยควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

    เราคงเคยได้ยินกันว่ามีผู้ป่วยหลายคน หายจากการเป็นมะเร็งด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งด้านการบริโภคและ ทางด้านอารมณ์จนสามารถเอาชนะมะเร็งร้ายได้และมีชีวิตอยู่ยืนยาวจนมาถึงปัจจุบัน ดังนั้นถ้าใครมีคนรู้จักที่เป็นมะเร็งก็อย่างลืมเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ ทีมงาน loveyou-thailand.com ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่าฟันอุปสรรค เอาชนะโรคร้ายให้ได้นะคะ และท้ายสุดหากคุณต้องการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง แต่ไม่มีเวลาดูแล ให้ยาน้ำสมุนไพรฮั้วลักเซียมช่วยดูแลคุณ ด้วยวิธีที่สะดวก เพราะฮั้วลักเซียมประกอบด้วยสุดยอดสมุนไพรถึง 99 ชนิด ช่วยบำรุง ฟื้นฟู ปรับสมดุล สุขภาพ ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ห่างไกลโรค

Visitors: 181,545